รีไฟแนนซ์บ้าน (re-finance) บ้าน ยังไงช่วยปลดหนี้ไวขึ้น

พฤศจิกายน 17, 2024

-

adisorn kaewchansilp

/
/
รีไฟแนนซ์บ้าน (re-finance) บ้าน ยังไงช่วยปลดหนี้ไวขึ้น
รีไฟแนนซ์บ้าน ช่วยให้ผ่อนบ้านหมดเร็วขึ้น

รีไฟแนนซ์บ้าน หรือการย้ายแหล่งสินเชื่อเดิมไปยังธนาคารใหม่ หลังจากทำการผ่อนชำระค่างวดบ้านไม่น้อยกว่า 3 ปี การรีไฟแนนซ์ ยังคงต้องยื่นเอกสารเดินเรื่องเหมือนในครั้งแรกที่ทำการขอสินเชื่อ แต่ยอดชำระและดอกเบี้ยจะลดลง ตามเงื่อนไขของธนาคารนั้นๆ ซึ่งทำให้ในแต่ละเดือนภาระ หนี้สินจะลดลง ทำให้ผ่อนชำระได้สบายมากขึ้นและยังช่วยให้ปลดหนี้ได้ไวมากยิ่งขึ้น

  • ลดดอกเบี้ย 
  • ลดระยะเวลาการผ่อน
  • มีโอกาสได้วงเงินเพิ่ม

ผ่อนบ้านไปแล้ว 3 ปี สามารถทำการรีไฟแนนซ์ได้
บ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์โฮม และคอนโดฯ

เทคนิคการผ่อนบ้านให้ปลดหนี้ไวขึ้น

1. ชำระค่างวดเกินหรือมากกว่าที่กำหนด (โปะเงินต้น) การชำระเงินเกินค่างวด จะช่วยให้ตัดเงินต้นออกไปได้มากขึ้นจึงทำให้ดอกเบี้ยลดลง

ตัวอย่าง ค่างวด 10,000 บาท (รวมดอกเบี้ย) แต่ทำการชำระ 13,000 บาท เงินต้นจะถูกตัดเพิ่มเติมไป 3,000 บาท

ชำระค่างวดตามปกติชำระเกินงวดละ 3,000 บาท
เงินต้น3,500,000 บาท
ดอกเบี้ยที่ต้องชำระ (ทั้งหมด)2,487,989.02 บาท1,900,177.87 บาท
จำนวนเงินทั้งหมดที่ต้องชำระ5,987,989.02 บาท5,400,177.87 บาท 
ระยะเวลาการผ่อนชำระ286 งวด (24 ปี)226 งวด (17 ปี)
ข้อมูลอ้างอิง : ธนาคารกรุงศรี

2. หากมีโอกาส มีเงินก้อน ให้ทำการโปะบ้าน เพื่อตัดเงินต้นจะช่วยให้ยอดเงินที่ต้องชำระลดลง (ลดต้น ลดดอก) 
3. รีไฟแนนซ์บ้าน (re-finance) หลังจากผ่อนชำระมาแล้วระหว่าง 3-5 ปี การย้ายสินเชื่อจากที่เดิมไปยังที่ใหม่ เพื่อให้ได้รับอัตราดอกเบี้ยที่ลดลง โดยสินเชื่อบ้าน (ธนาคารใหม่) จะคำนวนจากยอดเงินต้นที่เหลืออยู่ เช่นนี้ก็จะช่วยให้ปลดหนี้บ้านได้ไวขึ้น

ตัวอย่าง

ยอดเงินกู้ (คงเหลือ)ระยะเวลาการกู้ (ปี)ค่างวด (บาท)ดอกเบี้ยที่ลดลง (สัญญา)
3,000,000 บาท1034,300317,225.74
3,000,000 บาท1526,400419,047.13
3,000,000 บาท2022,700527,645.45
3,000,000 บาท2520,600644,123.35

4. ขอลดดอกเบี้ยกับสินเชื่อบ้านธนาคารเดิม (retention) หลังจากที่ทำการผ่อนบ้าน 3 ปีขึ้นไป สามารถติดต่อ ต่อรองกับธนาคารเพื่อขอรับอัตราดอกเบี้ยใหม่ ก่อนที่จะทำการรีไฟแนนซ์บ้าน ก็ทำให้เพิ่มโอกาสในการลดดอกเบี้ยได้
5. ชำระหนี้ให้ตรงเวลา ชำระค่างวดเกินได้แต่ไม่ควรวันที่กำหนดการชำระเพื่อลดปัญหา ค่างวด ค่าปรับ ค่าธรรมเนียมอื่นๆ ตามมา และยังช่วยให้ประวัติเราไม่เสีย ไม่เกิดความด่างพร้อยในเครดิตบูโร

วางแผนการเงินเป็นเรื่องสำคัญอย่างมากในปัจจุบัน การหารายได้ได้มากในแต่ละเดือน หากขาดการ บริหารจัดการการเงินอย่างรอบคอบ ก็อาจส่งผลกระทบต่อการเงินของคุณได้เช่นกัน มีหนี้สินและรีบเคลียยอดหนี้ให้หมดได้ไวขึ้น นอกจากช่วยลดความกังวล ยังเพิ่มโอกาสในการเกษียณได้เร็วยิ่งขึ้น ไม่ต้องแบกภาระนาน ลดความเครียดในอนาคตหากเกิดผลกระทบต่อรายได้ การงาน 

ขั้นตอนการรีไฟแนนซ์บ้าน

  • ตรวจสอบสัญญาเดิม อ่านรายละเอียด เงื่อนไขให้ครบโดยละเอียด
  • ตรวจสอบข้อมูล ดอกเบี้ย เงื่อนไขของธนาคารอื่นๆ อย่างน้อย 3 แห่ง เพื่อเปรียบเทียบกัน 
  • เตรียมเอกสารให้ครบ
  • ยื่นเรื่องกับธนาคารใหม่
  • เมื่อได้รับการอนุมัติการรีไฟแนนซ์แล้ว จึงดำเนินการนัดวันไถ่กับธนาคารเดิม
  • ทำสัญญา ลงนามต่อหน้าเจ้าหน้าที่ยังกรมที่ดิน

เอกสารการยื่นรีไฟแนนซ์บ้าน (re-finance)

  1. สำเนาบัตรประชาชน (ของเจ้าบ้านและคู่สมรส)
  2. สำเนาทะเบียนบ้าน (ของเจ้าบ้านและคู่สมรส)
  3. สำเนาทะเบียนสมรส (หากมี)
  4. สำเนาทะเบียนหย่า (หากมี) 
  5. สำเนาใบมรณบัตร (กรณีคู่สมรสเสียชีวิต) 
  6. เอกสารแสดงรายได้ สลิปเงินเดือน หนังสือรับรองการทำงาน สำเนารับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย
  7. สำเนาบัญชีธนาคารย้อนหลัง 6 เดือน 

ผู้ประกอบธุรกิจส่วนตัว

  • หนังสือรับรองการจดทะเบียนการค้า/ใบทะเบียนการค้า 
  • สำเนาบัญชีธนาคารย้อนหลัง 12 เดือน
  • สำเนา ภ.พ. 30 หรือ ภงด. 50/51 ย้อนหลัง 5 เดือน 
  1. สำเนาเอกสารแสดงกรรมสิทธิ์ เช่น ฉโนดที่ดิน
  2. สำเนาหนังสือสัญญาขายที่ดิน หรือ หนังสือสัญญาจำนองที่ดิน
  3. สำเนาสัญญากู้เงินกับธนาคารเดิม
  4. สำเนาใบเสร็จการผ่อนค่างวด (ย้อนหลัง 12 เดือน)

รีไฟแนนซ์บ้านต้องเตรียมเงินเท่าไหร่

  • ค่าประเมินราคา ระหว่าง 2,000 – 3,000 บาท
  • ค่าปรับการไถ่ถอนก่อนกำหนด 2-3% ของเงินต้น (ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของแต่ละธนาคาร) 
  • ค่าธรรมเนียมขอสินเชื่อกับธนาคารใหม่ 
  • ค่าจดจำนอง 1% ของวงเงินกู้
  • ค่าอากรแสตมป์ 0.05% ของวงเงินกู้
  • ค่าทำประกัน เช่น ประกันอัคคีภัย ประกันชีวิต

การรีไฟแนนซ์บ้าน (refinance) มีโอกาสที่จะได้รับวงเงิน 80 – 95% ของราคาประเมิน เช่น บ้านที่เราซื้อเดิมมีราคา 3,000,000 บาท เมื่อผ่านไป 3 ปี ยอดภาระหนี้ (บ้าน) เหลือ 2,500,000 บาท