First Jobber เลือกซื้อบ้าน/ทาวน์โฮม ยังไงไม่ให้ภาระหนักเกิน

/
/
First Jobber เลือกซื้อบ้าน/ทาวน์โฮม ยังไงไม่ให้ภาระหนักเกิน

พนักงานใหม่ เริ่มต้นทำงานอาจ 1-2 ปี และกำลังมองหาอสังหาฯ บ้าน ทาวน์โฮม เพื่อเป็นการสะสมเงิน สร้างสินทรัพย์ หรือแม้แต่การลงทุน ต้องบอกเลยว่า สามารถทำได้และนับว่าเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าในระยะยาว เนื่องจากแนวโน้มของอสังหาริมทรัยพ์อย่าง บ้าน ทาวน์โฮม ทาวน์เฮ้าส์ บ้านแฝด หรือแม้แต่ที่ดิน ย่อมมีแนวโน้มที่ราคาที่ดินจะสูงขึ้นในทุกปี ส่วนนี้ควรศึกษาข้อมูลและเปรียบเทียบโดยละเอียดก่อนตัดสินใจ

สำหรับผู้ที่มองหาบ้าน ทาวน์โฮม เพื่อการอยู่อาศัยโดยเฉพาะในผู้ที่เริ่มต้นทำงาน (First Jobber) อาจมีความกังวลว่า หากตัดสินใจซื้อไปแล้ว ทำยังไงไม่ให้แบกภาระหนักเกินไป เนื่องจาก ต้องคำนวนเงินเดือน รายได้ ค่าใช้จ่ายต่างๆ ให้ดี สำหรับบทความนี้ เรามีเทคนิควิธีที่ให้คุณทำตามได้ง่าย ไม่ยุ่งยาก และสามารถผ่อนค่างวดไปพร้อมๆ กับการใช้ชีวิตประจำวันได้โดยไม่ต้องกังวล

ข้อควรคำนึงก่อนตัดสินใจซื้อบ้าน

  • คำนวนการเงิน สถานะการเงิน่างๆ ทั้งรายได้ รายจ่าย ภาระหนี้อื่นๆ เช่น บัตรเครดิต ค่าโทรศัพท์ ค่าเดินทาง ค่างวดรถยนต์/มอเตอร์ไซค์ (หากมี) นำรายจ่ายทั้งหมดมาหักลบกับรายได้ เพื่อให้สามารถคำนวนถึงยอดชำระค่างวดต่อเดือนที่คุณจ่ายไหว ทั้งนี้อย่าลืมคำนวนเงินเก็บไว้สักด้วยนะ เพื่อไม่ให้แต่ละเดือนตึงเกินไป หากมีเหตุฉุกเฉินต้องใช้เงินสด จะได้มีเงินหมุนเวียนด้วย โดยภาระหนี้สินไม่ควรเกิน 40% ของรายได้ ผ่อนบ้นาไม่ควรเกิน 30% ของรายได้
  • เตรียมพร้อมสำหรับค่าใช้จ่ายอื่นๆ ในการซื้อบ้าน เช่น เงินดาวน์ ค่าตกแต่งเครื่องใช้ เฟอร์นิเจอร์ต่างๆ เตรียมความพร้อมกรณีที่กู้สินเชื่อบ้านผ่าน การวางเงินดาวน์อย่างน้อย 20% จะช่วยให้ดอกเบี้ยต่ำกว่า ทำให้ไม่ต้องแบกรับดอกเบี้ยที่สูงเกินไป ค่างวดในการผ่อนชำระก็ประหยัดยิ่งขึ้น
  • ราคาบ้าน ทาวน์โฮมเหมาะสมกับกำลัง สถานะการเงินของตัวเอง บ้านหรือทาวน์โฮมต้องคำนึงถึงพื้นที่อยู่อาศัยและการเดินทางไปทำงาน กรณีที่ทำงานอยู่ที่บ้าน (Work From Home) การตัดสินใจเลือกบ้านอาจง่ายกว่า สามารถเลือกพื้นที่ได้ง่ายกว่า โดยบ้านที่อยู่ในเขตชานเมือง ไม่จำเป็นต้องอยู่ใกล้กับสาธารณูปโภค หรือ การขนส่งมากนัก จะได้บ้านราคาต่ำกว่าบ้านที่เดินทางสะดวก หรืออยู่ในพื้นที่ CBD หรือ ราคาบ้านที่เท่ากัน อาจได้ขนาดพื้นที่บ้านกว้างกว่า ฯลฯ ในส่วนนี้จำเป็นต้องไตร่ตรองเป็นอย่างดีเพื่อให้ได้บ้าน ราคาบ้าน ที่เหมาะสม 
  • กรณีที่มีผู้กู้ร่วม ควรคำนึงให้ดีให้เหมาะสมถึงรายได้ ความสัมพันธ์ กำลังทรัยพ์ต่างๆ ร่วมด้วย เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการกระทบกระทั่งในอนาคต การกู้ร่วม เป็นการคำนวนราคาบ้านกับรายได้ทั้ง 2 คนร่วมกัน ทำให้สามารถซื้อบ้านราคาสูงขึ้น พื้นที่กว้างขึ้นมาได้ การผ่อนชำระในแต่ละงวด อาจเป็นการหารกัน ดังนั้นจึงควรปรึกษากันให้ดีและวางแผนการเงินร่วมกันเพื่อให้สามารถจ่ายไหวโดยไม่มีปัญหาการเงิน โดยเฉพาะเมื่อเกิดกรณีฉุกเฉิน

เทคนิคผ่อนบ้านให้ปลอดหนี้ได้เร็ว ไม่ต้องแบกภาระนาน

  1. ชำระค่างวดให้เกินไว้ก่อน ลดต้น ลดดอก ทำให้ปลดภาระได้เร็วขึ้น กรณีที่มีความสามารถในการผ่อนชำระค่างวดเพิ่มขึ้นจากค่างวดเดิม 30-50% ควรแจ้งธนาคารให้ทราบเพื่อให้คำนวนหรือตัดยอดชำระให้ค่างวดถัดๆ ไปได้คำนวนดอกเบี้ยลดลง 
  2. ได้โบนัส หรือมีกำลังผ่อนมาก อาจชำระเพิ่มเติมชำระล่วงหน้าเพิ่มเติมอีก 1 งวด ก็ยิ่งทำให้ระยะเวลาผ่อนชำระลดลงได้เช่นกัน กรณีนี้ หากต้องการชำระค่างวดเกิน ควรติดต่อและแจ้งธนาคารให้ทราบ เพื่อสิทธิประโยชน์ของตัวท่านเอง 
  3. หลังจากผ่อนชำระไปแล้ว 3-5 ปี ควรทำการรีไฟแนนซ์ (refinance) หรือ รีเทนชั่น (retention) เพื่อปรับโครงสร้างหนี้ใหม่ให้ยอดชำระแต่ละเดือนพร้อมทั้งดอกเบี้ยลดลง จากยอดคงเหลือภาระหนี้เดิมนั่นเอง
  4. ชำระค่างวดให้ตรงเวลา อย่าให้ล่าช้า ไม่เช่นนั้น ดอกเบี้ยก็เพิ่มและยังอาจต้องเผชิญกับค่าทวงถาม ค่าบริการอื่นๆ เพิ่มเติม ทำให้ต้องจ่ายเงินเพิ่มและหากมากเกินไปอาจทำให้การเงินสะดุดได้เช่นกัน

First Jobber ที่เพิ่งเริ่มต้นเก็บเงินลงทุน หรือมองหาที่อยู่อาศัย เงินสำรองเป็นเรื่องที่ต้องใส่ใจอย่างมาก การที่มีเงินสำรอง หรือเงินเก็บไว้ใช้ในกรณีฉุกเฉินทำให้การผ่อนชำระบ้านแต่ละเดือนไม่หนักเกินไปและยังไม่ตึงเครียด โดยอย่างน้อยควรมีเงินสำรองอย่างน้อย 6 เท่าของรายจ่ายแต่ละเดือน

การซื้อบ้าน/ทาวน์โฮม ไม่ใช่เรื่องเล็ก ควรคำนึงและไตร่ตรองโดยละเอียด ทั้งสถานะการเงิน แนวโน้มรายได้ ค่าใช้จ่าย ภาระหนี้สิน รวมทั้งสุขภาพด้วยเช่นกัน ผ่อนไหว จ่ายได้ แต่หากมีเหตุฉุกเฉินต้องสะดุดลง การมีเงินสำรองไว้ช่วยให้อุ่นใจ และที่สำคัญ ราคาบ้านไม่ควรเกินกว่ากำลังที่จะซื้อไหว ยอดชำระต่องวดไม่ควรเกิน 30% ของรายได้